การอ่านโน้ต
การฝึกเรียนดนตรีพื้นบ้านอีสาน นอกจากฝึกการฟังแล้ว ผู้ฝึกจำเป็นต้องศึกษาโน้ตดนตรีพื้นบ้าน เพื่อง่ายต่อการฝึกหัดเบื้องต้นและการบรรเลงเพลงในกรณีที่จำเพลงนั้นไม่ได้ เพราะปัจจุบันมีเพลงจำนวนมาก สำหรับการอ่านโน้ตดนตรีพื้นบ้านใช้หลักการอ่านแบบโน้ตเพลงไทยเดิม หรือโน้ตไทย ซึ่งมีโครงสร้างดังนี้
1.ห้องเพลง
2.จังหวะ
3.ตัวโน้ต
ห้องเพลง
ใน 1 บรรทัด กำหนดให้มี 8 ห้อง คือ
จังหวะ
ในแต่ละห้องเพลงจะมีจังหวะคงที่ 4 จังหวะ
จังหวะเคาะ เครื่องหมาย V คือ เคาะจังหวะที่ 4 (จังหวะตก) ใช้เครื่องหมาย - แทน 1 จังหวะ
V V V V V V V V
- - - -1 2 3 4
|
- - - -1 2 3 4
|
- - - -1 2 3 4
|
- - - -1 2 3 4
|
- - - -1 2 3 4
|
- - - -1 2 3 4
|
- - - -1 2 3 4
|
- - - -1 2 3 4
|
* V หมายถึง การเคาะเท้า หนึ่งครั้ง หรือ การตบมือหนึ่งครั้ง เท่ากับ หนึ่งจังหวะ
โน้ตเพลงไทยมี 7 เสียง คือ โด เร มี ฟา ซอล ลา ที
อักษรย่อภาษาอังกฤษ C D E F G A B
ตรงกับชื่อของตัวโน้ตดังนี้ โด เร มี ฟา ซอล ลา ที
ใช้อักษรย่อแทนชื่อตัวโน้ต ด ร ม ฟ ซ ล ท
สัญลักษณ์ทางดนตรี
1.เครื่องหมายระดับเสียง ° เช่น ม° หมายถึง เสียงมีสูง ถ้า . อยู่ข้างล่างตัวโน้ต เช่น มฺ หมายถึง เสียงมีต่ำ
2.เครื่องหมายย้อนกลับ (: :) หมายถึง บรรเลงซ้ำ 1 รอบ
3.เครื่องหมาย - ใช้แทนจังหวะในห้องเพลงที่ไม่มีตัวโน้ต หมายถึง เว้นไว้ ไม่ต้องบรรเลง
การฝึกนับหรือเคาะจังหวะ
การนับหรือเคาะจังหวะให้เคาะหรือตบมือที่จังหวะที่ 4 ( V ) ของห้องเพลง ถ้าห้องเพลงใดในจังหวะที่ 4 ไม่มีตัวโน้ตหรือมีเครื่องหมาย - ก็ต้องเคาะจังหวะโดยไม่ต้องร้องโน้ตหรือบรรเลง
V V V V V V V V
1 2 3 4
|
1 2 3 4
|
1 2 3 4
|
1 2 3 4
|
1 2 3 4
|
1 2 3 4
|
1 2 3 4
|
1 2 3 4
|
1 2 - -
|
1 2 - -
|
1 2 - -
|
1 2 - -
|
1 - 3 -
|
1 - 3 -
|
1 - 3 -
|
1 - 3 -
|
- 2 - 4
|
- 2 - 4 -
|
- 2 - 4
|
- 2 - 4
|
- 2 3 4
|
- 2 3 4
|
- 2 3 4
|
- 2 3 4
|
1 2 - -
|
1 2 - -
|
1 - 3 -
|
1 - 3 -
|
- 2 3 4
|
- 2 3 4
|
- 2 3 4
|
- 2 3 4
|
1 2 - -
|
1 2 - -
|
1 2 3 -
|
1 2 3 -
|
- 2 3 4
|
- 2 3 4
|
1 2 3 4
|
1 2 3 4
|
ดนตรีไทยในอดีตมักใช้วิธีจดจำคำร้องหรือทำนองของเพลง ไม่ได้มีการบันทึกเป็นตัวโน้ตไว้เหมือนปัจจุบัน ดังนั้นจึงเป็นที่น่าเสียดายที่เพลงไทยในอดีตบางเพลงอาจสูญหายหรือผิดเพี้ยนไปตามกาลเวลา
การบันทึกเพลงไทยเริ่มมีขึ้นประมาณ ปี พ.ศ. 2456 โดยหลวงประดิษฐ์ไพเราะ ( ศร ศิลปบรรเลง )เป็นผู้คิดเครื่องหมายแทนเสียงดนตรีขึ้นเป็นครั้งแรกโดยใช้ตัวเลขตั้งแต่ 1 – 9 แทนนิ้วที่ใช้กดลงในเครื่องดนตรี
ประเภทเครื่องสาย ต่อมาได้ดัดแปลงให้สะดวกในการอ่านยิ่งขึ้นโดยใช้ตัวเลข ตั้งแต่ 0 - 4 แทนนิ้วที่กดลงสายแต่ละนิ้ว เช่น โน้ตซอด้วง ซออู้
0 คือ สายเปล่า ( ไม่ต้องกด )
1 คือ กดนิ้วชี้
2 คือ กดนิ้วกลาง
3 คือ กดนิ้วนาง
4 คือ กดนิ้วก้อย
การใช้โน้ตตัวเลขไม่สามารถใช้กับเครื่องดนตรีได้ทุกชนิด ทำให้ไม่สะดวกในการบันทึกและการบรรเลงเมื่อมีการเผยแพร่วิชาการดนตรีสากลเป็นที่นิยมแก่คนไทย โดยพระเจนดุริยางค์ เป็นผู้เรียบเรียงหนังสือ
“ แบบเรียนดุริยางค์ศาสตร์สากล ” โดยกระทรวงศึกษาธิการ ใช้เป็นแบบเรียนในการศึกษาของนักเรียนตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2475 จึงมีการคิดค้นเขียนโน้ตแบบไทย เลียนเสียงสากล โด เร มี ฟา ซอล ลา ที
โดยใช้อักษรย่อ ด ร ม ฟ ซ ล ท หรือเรียกสั้น ๆว่า โน้ต ดรมฟ ( อ่านว่า ดอรอมอฟอ )
โน้ตตัวอักษรในปัจจุบันจึงเป็นที่นิยมใช้สำหรับบันทึกบทเพลงไทยหรือแม้กระทั่งเพลงพื้นบ้านภาคต่าง ๆ ของไทย เพราะสามารถนำไปใช้กับเครื่องดนตรีไทยทุกประเภท รวมถึงดนตรีพื้นบ้านอีสานที่มีลายทำนองที่มีความไพเราะจำนวนมาก จึงเป็นเรื่องน่าดีใจที่บทเพลงหรือลายดนตรีพื้นบ้านอีสานคงไม่มีวันสูญหายอย่างแน่นอนถ้ามีการบันทึกโน้ตเก็บไว้
|